ช่วงนี้นักลงทุนหลายคนบอกว่า ราคาคริปโตเคอร์เรนซีดูเหมือนกำลังจะกลับมา หลังจากที่ตลาดอยู่ในช่วงซบเซาหลายเดือน เมื่อตลาดคึกคัก นักลงทุนหน้าเดิมเติมเงิน และนักลงทุนหน้าใหม่ก็เข้ามาแสวงโชคมากขึ้น เป็นวัฏจักร อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่สำคัญสุดๆ ในการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี คือความปลอดภัยของ ‘กระเป๋าเงินเทรด’ ของเรา
เพราะโลกการซื้อ-ขายคริปโตฯ เกิดขึ้นบนออนไลน์ 100% และไม่มีตัวกลาง (เช่น ธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ สถาบันการเงิน ฯลฯ) มาช่วยแบกภาระความเสี่ยง การเก็บสินทรัพย์ของเราไว้ทั้งหมดบนเว็บเทรดนั้น ค่อนข้างมีความเสี่ยง อาจจะเป็นเป้าหมายของแฮ็กเกอร์ได้ ซึ่งก็มีข่าวให้ได้เห็นกันประจำ กรณีแฮ็กเกอร์แฮ็กทั้งระบบแล้วขโมยเหรียญไปจำนวนมหาศาล หรือกรณีการถูกแฮ็กรายบุคคล
ในระยะหลังจะเห็นว่านักเทรดไทยบนโซเชียลมีเดีย เริ่มแนะนำกันถึง hardware wallet หรือกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ ที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ถืออยู่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งก็ดูเหมือนว่าคนไทยจะเทรดคริปโตฯ มากขึ้น เพราะห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งก็ตอบรับกระแสนี้ด้วยการนำเข้าเจ้า hardware wallet นี้มาวางขายที่หน้าร้านตัวเองกันด้วย
hardware wallet คืออะไร? รูปร่างหน้าตาแม้จะคล้ายกับทรัมป์ไดรฟ์เก็บข้อมูล แต่ฟังก์ชัjนค่อนข้างแตกต่างกัน โดยเวลาเราซื้อคริปโตฯ มาเป็นสินทรัพย์ของเรา คริปโตฯ จะถูกโอนเข้ากระเป๋าเงินออนไลน์ (software wallet หรือเรียกอีกชื่อว่า hot wallet) ของเราบนระบบแลกเปลี่ยนนั้นๆ และกระเป๋าเงินเรานี่แหละที่จะใช้ในการเทรด
แต่กระเป๋าเงินคริปโตฯ จะไม่เหมือนกับระบบการฝากเงินไว้กับธนาคาร เพราะว่ามันจะเก็บข้อมูลสินทรัพย์คริปโตฯ ของเจ้าของไว้บนบล็อกเชน ซึ่งเจ้าของเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าถึงพวกมัน ด้วยการเข้ารหัส private key แต่เพราะมันเป็นกระเป๋าออนไลน์ มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา จึงสามารถถูกแฮ็กได้ง่ายกว่า
hardware wallet หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า cold wallet จึงถือกำเนิดขึ้นมา เป็นกระเป๋าเงินที่จับต้องได้ในฐานะอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง และให้ผู้ใช้งานเก็บสินทรัพย์ไว้ในรูปแบบออฟไลน์ ซึ่งการเก็บลักษณะนี้เหมาะกับนักเทรดระยะยาว เพราะทุกครั้งที่จะเทรดเราต้องมีฮาร์ดแวร์ชิ้นนี้ด้วยในการปลั๊กอินเข้าไปกับคอมพิวเตอร์ เพราะฮาร์ดแวร์จะทำหน้าที่เก็บ private key เอาไว้ และการซื้อ-ขายจะเกิดขึ้นภายใน hardware wallet เท่านั้น ดังนั้นแม้เงินคริปโตฯ จะยังอยู่บนบล็อกเชน แต่แฮ็กเกอร์จะไม่มีทางเข้าถึง private key บน cold wallet ได้
เว็บไซต์ Binance เว็บเทรดที่มีคนใช้งานเยอะที่สุดในโลก ระบุถึงความสำคัญของ hardware wallet ว่า ‘Not Your Key Not Your Coin’ พวกเขาบอกว่า “ตราบใดที่คุณไม่ได้เป็นผู้ถือ private key เป็นของตัวเอง เหรียญสกุลเงินดิจิทัลที่ถืออยู่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นของเราเอง เพราะมีโอกาสตลอดเวลาที่เหรียญของเราจะถูกดึงออกไปได้เสมอ”
ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้ยังถือว่ามีราคาสูง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่สามพันบาทขึ้นไป แม้ว่าจะเริ่มมียี่ห้อให้เลือกหลากหลายทั้ง Ledger, Trezor, KeepKey เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อ 12 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยว่ามูลค่าการเทรดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลก พุ่งเเตะ 2.34 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการซื้อขายต่อวันที่ 134.68 พันล้านดอลลาร์ ผู้ใช้งานที่แอคทีฟมากที่สุดคือนักลงทุนรายย่อย โดยเหรียญอีธีเรียม (ETH) ให้ผลตอบแทนมากที่สุด เมื่อเทียบกับหลักทรัพย์ทองคำและน้ำมัน
โดยปัจจุบันนี้ เหรียญคริปโตเคอร์เรนซ์ซีพี่ใหญ่ของตลาดอย่างบิตคอยน์ และอีธีเรียม เริ่มดีดตัวกลับมาหลังราคาตกไปนานหลายเดือน โดยบิตคอยน์กลับมายืนที่ราคาเหรียญกว่าละ 2 ล้านบาท และอีธีเรียม ที่ราคากว่า 120,000 บาทต่อเหรียญ
นี่ไม่ใช่บทความแนะนำการลงทุน ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน
อ้างอิงข้อมูลจาก