ความสนุกในการสวมบทบาท ความบันเทิงที่ควบคุมได้ และการเสียเวลาไปกับการมองหน้าจอ เป็นอะไรที่คนส่วนมากเห็นได้จากเกม จนบางคนอาจจะบอกด้วยซ้ำว่า สิ่งนี้เกิดมาเพื่อละลายเวลาที่มีค่าของมนุษย์ในการทำกิจกรรมอื่นใด แต่เราเชื่อมานานแล้วว่า ‘เกม’ ไม่ใช่สิ่งไร้ซึ่งสาระเช่นนั้น เกมเองก็เป็นการหลอมรวมความรู้ต่างๆ จากสื่อหลายแบบ มากลั่นเป็นงานบันเทิงในรูปแบบหนึ่ง
เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า ถ้ามีข้อมูลที่เข้มแข็ง หนักแน่น และน่าเชื่อถือ เกมจะเป็นสื่อที่สามารถทำให้ คนเล่นหรือคนดู เข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น แถมยังเพลิดเพลินไม่แพ้สื่อบันเทิงประเภทอื่น อย่าง นิยาย, ละคร หรือหนัง และเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะคิดว่าเกมไม่น่านำเสนอได้ก็คือ เรื่องราวของประวัติศาสตร์ต่างๆ นั่นเอง
ฮ้ะ ยังไง…เกมไม่ได้เสนอได้แค่เรื่องบันเทิงอย่างเดียวอย่างงั้นเหรอ? คำตอบก็คือใช่ อย่างที่ได้บอกไปว่า เกมคือความบันเทิงที่หลอมความรู้จากความรู้ด้านต่างๆ ไว้ ดังนั้นหลายๆ เกมจึงนำข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาใช้งาน และก็มีบางเกมที่เล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างละเอียด วันนี้ The MATTER มาพูดถึงเกมจำนวนหนึ่งที่เล่ามุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ได้อย่างแนบเนียน และยังสนุกสนานอีกต่างหาก
Assassin’s Creed Origins กับการทัวร์อียิปต์
Assassin’s Creed เป็นเกมที่เล่าเรื่องนักฆ่าซึ่งแฝงตัวในประวัติศาสตร์ เพื่อต่อสู้รักษาอิสรภาพให้กับมนุษยชาติทั้งปวง แม้จะเป็นการเล่าเรื่องแต่ง แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ที่เกิดภายในเกมนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามประวัติศาสตร์ที่จับเอามาเสริมแต่งกับเนื้อเรื่องของเกม โดยเฉพาะเหยื่อที่ตัวละครของผู้เล่นเดินเข้าไปลอบสังหารตามเนื้อเรื่องหลัก ก็เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์ที่สุดเท่าที่ข้อมูลจะเอื้ออำนวยข้อมูลให้ (ส่วนทหารยามทั้งหลายที่คุณฆ่าระหว่างนั่นอย่าไปนับรวมเลย)
เกมภาคล่าสุด Assassin’s Creed Origins ก็ยังคงเก็บรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างดี ในภาคนี้นอกจากที่คุณจะได้เดินทางในเมืองอเล็กซานเดรียอันยิ่งใหญ่ ล่องไปตามลำน้ำไนล์ที่งดงาม (โดยมีอันตรายจากจระเข้กับฮิปโป) ปีนป่ายไปบนพีระมิด บุกฝ่าเข้าไปภายในที่เก็บซ่อนสมบัติและพระศพของเหล่าอดีตฟาโรห์
ในภาคนี้ตัวเกมจะมาพร้อมกับ โหมด Discovery Tour ซึ่งจะแจกฟรีให้กับคนที่มีเกมตัวหลัก หรือถ้าคุณอยากจะทัวร์แดนไอยคุปต์โบราณรับชมราวในเมืองอเล็กซานเดรียที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรทอเลมีเฉยๆ เขาก็เปิดขายแยกในราคาไม่แพงนัก โดยจะมีข้อมูลกับการบรรยายจากนักประวัติศาสตร์ และนักไอยคุปต์วิทยาหลายท่าน
นอกจากทัวร์ประวัติศาสตร์ฉบับเสมือนจริงแล้ว ทีมพัฒนาเกมยังมีโครงการร่วมมือกับทาง Google เพื่อสร้างระบบ Machine Learning ให้เรียนรู้และจดจำอักษรเฮียโรกลีฟิค โดยหวังว่าเจ้าระบบดังกล่าวนี้จะช่วยแก้ไขปริศนาของโบราณสถานโบราณวัตถุหลายชิ้นในอียิปต์ที่ไม่สามารถแปลความหมายได้เนื่องจากตัวอักษรจางหายไปด้วย
Dynasty Warriors ลึกลงไปในเกมฟันแหลกคือรายละเอียดที่ ‘หลอกว้านจง’ อาจจะไม่ได้เล่า
เกมสามก๊กมั่วซั่ว อันเป็นการเรียกเพี้ยนมาจากชื่อ Sangoku Musou ชื่อญี่ปุ่นของเกมตระกูลนี้ หลายคนอาจจะได้เล่นแค่เหล่าตัวละครจากยุคสามก๊กในมาดหล่อเหลาเอาการ แล้วก็การสู้กับศัตรูนับพันจนน่าจะไม่มีอะไรมากมายนัก
ใจเย็นก่อนท่านทั้งหลายถึงเกมจะโม้ไปไกล แต่ดีเทลหลายอย่างก็นำเสนอได้โอเคอยู่ไม่น้อย อย่างฉากสำคัญที่คนไทยได้เรียนกันในหนังสือเรียน อย่าง จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า, ขงเบ้งทำพิธีต่ออายุ, ศึกแตกทัพเรือ ฯลฯ ก็กลายเป็นความเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดเจน และได้เล่นเองในบางฉาก ภาพที่คุณเคยจินตนาการไว้คราวนี้ก็ได้เห็นชัดเจนขึ้น
และรายละเอียดหลายอย่างก็เป็นเนื้อเรื่องที่หยิบเอาสามก๊กฉบับอื่นๆ นอกจากของหลอกว้านจงบอกเล่า บางอย่างอาจจะโม้ยิ่งขึ้นในสายตาเรา แต่อีกหลายอย่างก็เป็นการเอาความรู้ในประวัติศาสตร์มาขยาย หรือบางอันก็เป็นการตีความให้หนักขึ้นอย่างการเพิ่ม ก๊กจิ้นที่มีสุมาอี้เป็นผู้นำ
ส่วนหน้าตาหล่อเหลากับสวยงามของตัวละครในเรื่อง ขอให้นับว่าเป็นผลพลอยได้ละกันนะครับ
Nioh เสี้ยวหนึ่งของยุคสงครามรวบแผ่นดินกับซามูไรผมทอง
Nioh เป็นเกมแอคชั่นที่ให้คุณรับบทเป็นซามูไรผมทองที่ใช้พลังจากภูตพรายต่างๆ เข้าตีรันฟันแทงกับเหล่าขุนศึกในแดนอาทิตย์อุทัย ฟังดูโม้เกินจริงไปนิดก็จริง แต่จริงๆ แล้วเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์จริงอยู่ไม่น้อย
อย่างตัวพระเอก William ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาแบบพระเอกหนังเรื่อง The Last Samurai เพราะเขาอ้างอิงมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์จริงอย่าง วิลเลียม อดัมส์ (William Adams) นักเดินเรือชาวอังกฤษ ที่รอนแรมมาไกลจนถึงญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1600 เป็นจังหวะที่ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของยุคเซ็นโกคุกับ ยุคเอโดะ และการศึกที่เซกิฮางาร่ากำลังจะก่อตัวขึ้น
ในประวัติศาสตร์จริง นอกจากที่วิลเลียมใส่เกราะใช้ชีวิตตามวิถีซามูไรแล้ว เขายังแบ่งปันความรู้ในด้านการเดินเรือ การสร้างเรือ รวมไปถึงคณิตศาสตร์ ทำให้วิลเลียมกลายเป็นที่ปรึกษาของอิเอยาสึ ในฐานะผู้ร่วมพัฒนาเรือแบบยุโรปที่ต่อขึ้นในญี่ปุ่น ด้วยความที่เขาสร้างประโยชน์ต่ออิเอยาสึมากมาย วิลเลียมจึงได้รับชื่อญี่ปุ่น รวมถึงภรรยาชาวญี่ปุ่นด้วย
นอกจากตัวเอกกับยุคสมัย ก็ยังมีอะไรที่สอดคล้องกับประวัติศาสตร์อยู่นะครับ อย่างตัวร้ายหลักของเรื่อง Edward Kelley ก็อ้างอิงมาจากนักเล่นแร่แปรธาตุชาวอังกฤษที่มีตัวตนจริง ที่คนเชื่อกันว่าเขาสามารถสร้าง ‘หินนักปราชญ์’ ที่มอบความเป็นอมตะให้กับมนุษย์ได้ ในเกมเลยปรับให้เขาควบคุมภูตพรายได้เสียเลย หรือ Yasuke ตัวละครตัวหนึ่งที่มาสู้กับ William ก็อ้างอิงมาจาก ยาสุเกะ ซามูไรผิวดำที่เคยรับใช้ โอดะ โนบุนางะ จนถึงวันที่มารฟ้าที่หกเสียชีวิต
ภูตพราย หรือ โยไค (Yokai) ในเรื่อง ก็เป็นตำนาน/เรื่องเล่าพื้นเมืองที่คนญี่ปุ่นจดบันทึกเอาไว้ ได้ถูกนำมาเสนอตามภาพลักษณ์ที่ชาวญี่ปุ่นเคยหวาดกลัวกันจริงๆ, วิชาดาบที่ตัว William ใช้ก็มีพื้นฐานมาจากวิชาดาบจริงๆ ของญี่ปุ่น ที่ปรับแต่งภาพให้รวดเร็วสมเป็นเกมแอคชั่น หรือแม้แต่รายละเอียดชวนตลกอย่างการที่ ฮัตโตริ ฮันโซ ยอดนินจาคู่ใจของ โตกุกาวะ อิเอยาสึ เอาแมวออกมาจากกระเป๋าเสื้อก็เป็นการอ้างอิงองค์ความรู้ในวิชานินจาที่ใช้ลูกตาของแมวแทนการพกนาฬิกา เป็นอาทิ
รายละเอียดที่อาจจะดูหายไปในเกมนี้ก็คงเป็นกลยุทธ์การศึกที่ในช่วงเซ็นโกคุ เพราะตัวเกมออกแบบมาเป็นเกมสำหรับผู้เล่นคนเดียว
Kingdom Come: Deliverance จำลองภาพอาณาจักรโบฮีเมียนในช่วงยุคกลาง
เราเคยพูดถึงเกมนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง (จากการแนะนำ 15 เกมออกใหม่ในปี 2018) ตัวเกมให้ผู้เล่นรับบทเป็น Henry ชาวบ้านในหมู่บ้าน Skalitz ซึ่งถูกกองทัพทหารรับจ้างที่รับคำสั่งของพระราชาซิกิสมุนด์มากวาดล้าง นอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ราชาซิกิสมุนด์ก็ได้ส่งทัพโรมรันไปทั่วแผ่นดินโบฮีเมียน เพราะพระเจ้าเวนเซลที่ 4 แห่งโบฮีเมีย ถูกคุมตัวจนไม่ได้ครองราชบัลลังก์ ด้วยความแค้น ด้วยความที่อยากคืนความสงบสู่แผ่นดินโบฮีเมีย Henry จึงจำต้องจับดาบ สวมเกราะ แล้วออกเดินทางเพื่อหาทางฟื้นฟูราชบังลังก์สู่กษัตริย์ที่เหมาะสม
เห็นพล็อคเรื่องด้านบนดูจริงจัง ก็เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงนั่นล่ะครับ ทีมงานตั้งใจพยายามจะสร้างพื้นที่ 16 ตารางกิโลเมตรของอาณาจักรโบฮีเมียในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ขึ้นมาอย่างซื่อสัตย์ ทั้งตัวผังเมือง ลักษณะธรรมชาติ สีสันของเสื้อผ้า ยาวไปจนถึงลักษณะการขี่ม้าที่ต่างจากสมัยใหม่ ฯลฯ โดยมีนักประวัติศาสตร์จำนวนหนึ่งช่วยตรวจสอบข้อมูลให้ ถึงขั้นที่มีสื่อบางเจ้าในสาธารณรัฐเช็ก (ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรโบฮีเมียในอดีต) กล่าวว่าลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ในเกมนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงแบบเป๊ะๆ
แต่ก็ใช่ว่าความต้องการที่จะเป๊ะของทีมสร้างจะไร้ปัญหาเสียทีเดียว เพราะเคยมีดราม่าในเน็ตว่าทีมผู้สร้างนำเสนอเฉพาะตัวละครผิวขาวโดยไม่มีตัวละครผิวสีอื่นๆ รวมถึงการลดบทบาทของตัวละครหญิงไปเสียมาก ซึ่งตัวเกมจริงๆ ที่กำลังออกวางจำหน่ายอาจจะมีรายละเอียดที่โดนติติงนี้ไว้ด้วยก็เป็นได้
Call of Duty : WWII เปิิดหูเปิดตากับสนามรบในสงครามโลกครั้งที่สอง
เกมยิงยอดนิยมของโลกเกมนี้ ไม่ได้เพิ่งมาทำสนามรบในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นครั้งแรก พูดให้ถูกต้องก็คือเกมตระกูลนี้เกิดขึ้นจากการจำลองเหตุการณ์ในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สองมาตั้งแต่ภาคแรกต่างหาก
ในภาคที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สองอย่าง ภาค 1, 2, 3, World At War และ WW:II รวมถึงตัวเสริม จะให้ผู้เล่นได้สวมบทบาทเป็นกองทัพพันธมิตรชาติต่างๆ ทั้งอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, แคนาดา, โปแลนด์ และจำลองเหตุการณ์ทั้งในจุดสำคัญๆ ของสงครามอย่างการยกพลขึ้นตีหาดนอร์มังดี, บุกเข้าตีซิซิลี, ตะลุยหาดโอฮามา, ข้ามเส้นแดนสู่เยอรมนี ฯลฯ ซึ่งแต่ละภาคได้พยายามจำลองภูมิทัศน์กับสถานการณ์ให้คนเล่นต้องตื่นตัวและเข้าใจได้โดยง่าย ว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้เป็นมหาสงครามที่แท้จริง
ความจริงในภาคอื่นๆ ของ Call of Duty ภาคอื่นๆ ก็อ้างอิงประวัติศาสตร์จริงไม่มากก็น้อย อย่างในภาค Black Ops I กับ II ก็ขยับเอาสถานการณ์สงครามเย็นที่มีการรบแบบลับ การใช้ยาล้างสมอง การแทรกซึมสืบข่าว ที่มีการเปิดเผยกันว่าใช้กันในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากเรื่องสถานที่การรบ อาวุธยุทโธปกรณ์ เพลงประกอบในบางภาคก็เป็นการพยายามจำลองให้สอดคล้องกับปีที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ของเกมภาคนั้นด้วย
ยกเว้นในฝั่งเกมแถมที่เป็นการให้ล่าซอมบี้ อันนี้คงจะยังไม่มีในโลกจริงเป็นแน่แท้
JFK Reloaded ไขกลคนลั่นไก
ตัวเกมเป็นการจำลองเหตุกาณ์ลอบสังหาร จอห์น เอฟ เคนเนดี ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เวลา 12.30 น. โดยให้ผู้เล่นสวมบท ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือปืนในคดีดังกล่าว และหาทางลั่นไกลอบสังหารให้ตรงกับหลักฐานที่เปิดเผยต่อสาธารณะชนให้มากที่สุด
แม้จะมีกิจกรรมให้ทำน้อยนิด ตัวเกมก็ยังน่าสนใจ เพราะในการสังหารครั้งนั้นเป็นการลอบยิงที่หลายต่อหลายคนยังคงมีข้อกังขาว่าเป็นการยิงที่ยากจะเกิดขึ้นได้ รวมถึงว่ายังมีทฤษฎีสมคบคิดที่ตามมาอีกมากมาย ทำให้การลั่นไกจำนวนสามครั้งที่เกิดขึ้นในวันนั้นมีความสำคัญอย่างมาก และหลายคนก็ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนขึ้น
น่าเสียดายที่เกมนี้เกิดขึ้นก่อนเทรนด์การเก็บข้อมูลแบบ big data จะมาถึง ไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีข้อมูลอะไรใหม่น่าสนใจที่อาจจะพลิกมุมมองประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
This War of Mine อีกด้านของสงครามที่เล่ายากและขมขื่น
ตามปกติเราเล่นเกมก็จะรับบทเป็นตัวแทนของคนที่ออกไปแนวหน้าฝ่าเหตุการณ์ที่ดุเดือด ตรงกันข้ามกับเกมนี้ที่ทีมพัฒนาให้คุณรับบทเป็นประชาชน ที่พยายามเอาตัวให้รอดจากสงครามกลางเมืองที่ดำเนินไปอย่างยาวนาน
เกมอ้างอิงสมรภูมิรบที่เมืองซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ค.ศ. 1992-1995 ตัวเกมตัดการบอกเล่าว่าใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นคนถูก ใครเป็นคนผิด เล่าเพียงแค่ชีวิตของผู้คนที่ไม่ได้อินกับการรบ นับตั้งแต่ช่วงแรกที่ผู้คนต้องทิ้งบ้านเดิมซึ่งเสียหายจากสงคราม มาอยู่อาศัยรวมกันในอาคารที่พอจะพักพิงได้ ในช่วงแรกที่ยังมีของกินแบ่งปันกัน จนฤดูหนาวเริ่มมาถึง การกินข้าวแบบเว้นหลายๆ วันเริ่มปกติ ความอบอุ่นเริ่มหายไป ความเจ็บป่วยเริ่มเข้ามา ต้องสู้รบกับคนที่พยายามบุกมาแย่งชิงของที่มีเหลืออยู่ หรือไม่ก็ต้องยอมไปปล้นสะดมคนที่มีมากกว่าให้ตัวเองอยู่รอด พร้อมความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าการลืมตาตื่นในวันพรุ่งจะเป็นไปได้หรือไม่…
ภาวะดุจยาขมที่ไม่อยากกลืน แต่ก็ต้องฝืนทนไปนั้นอบอวลอยู่ในเกมนี้ตลอดเวลา แม้เกมจะไม่ได้เดินทางไปไกลถึงระดับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบรุนแรงอย่างการข่มขืน หรือค้ามนุษย์ แต่แค่นี้ก็มากเกินพอที่จะทำให้ผู้เล่นตระหนักได้ว่าเราไม่ควรก่อสงครามขึ้นอีก
CivilizationEDU เกมอารยธรรมที่ก้าวหน้าสู่เกมแห่งการศึกษา
Civilization เป็นเกมจำลองการแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีของแต่ละประเทศข้ามผ่านแต่ละยุค ข้อสนุกในการเล่นเกมนี้คือการรีบพัฒนาเทคโนโลยีให้เหนือกว่า แล้วข่มคู่แข่งด้วยความทันสมัยของคุณ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเร่งความรุ่งเรืองในด้านอื่นๆ อย่างศาสนา กองทัพ ทรัพยากร หรือการสำรวจ ให้ชาติอื่นๆ อิจฉาแทน
แต่ใน CivilizationEDU จะไม่มีการแข่งขันหรือให้เล่นเกมกันถึงเช้าครับ ตัวเกมมีคอนเซ็ปต์ที่่เปิดให้อาจารย์ผู้สอนนำเอาเกมที่ถูกดัดแปลงมาเล่าเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ และให้นักเรียนหรือผู้ที่สนใจได้ติดตามแนวคิดการวางแผนของวัฒนธรรมต่างๆ และเปิดโอกาสให้นักเรียนลองคิดว่าถ้าตกอยู่ในภาวะการณ์ใดๆ ของประวัติศาสตร์พวกเขาจะบริหารจัดการอย่างไร กันแน่
จากเดิมที่ตัวเกมก็มีข้อมูลเชิงอรรถให้อ่านมากมายแล้ว พอมาเป็นเกมสายความรู้เช่นนี้ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย แถมทีมงานที่เข้าร่วมพัฒนาตัวเกม CivilizationEDU ก็เคยพัฒนาเกมอื่นๆ อย่าง SimCity กับ Plants & Zombie ให้เป็นเกมที่ได้ความรู้และไม่น่าเบื่อในการเสพข้อมูลมาแล้ว
Etc.
นอกจากเกมที่เอาประวัติศาสตร์แทรกมาเล่าเรื่อง หรือมาเป็นบรรยากาศของตัวเกม ยังมีเกมอีกมากที่มีรายละเอียดทางประวัติศาสตร์อย่างแม่นยำ อย่างเกมตระกูล Total War แทบทุกภาคที่มีรายละเอียดของอุปกรณ์กับศักยภาพของนักรบชาติต่างๆ นับตั้งแต่ภาค Shogun ที่ทำให้เห็นว่าการศึกในยุคเซ็นโกคุนั้นมีความวุ่นวายด้วยชัยภูมิกับกลยุทธ์ที่ใช้งานได้ ซึ่งในปีนี้เรากำลังจะได้เห็นเกม Total War Three Kingdoms หรือยุคสามก๊กที่ชวนให้คิดว่า เกมจะนำเสนอกับตีความการเดินทัพพร้อมนำเสนอตัวละครสำคัญที่คนคุ้นเคยแบบจริงจังกันอย่างไร
เกมตระกูล IL-2 Sturmovik เกมจำลองการขับเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ลงรายละเอียดเครื่องบินและด้านการบินได้สมจริง จนนักบินเครื่องบินยุคปัจจุบันกับนักบินยุคสงครามที่เคยผ่านสมรภูมิที่เกมจำลองมาแล้วต่างออกปากชมในความละเอียดของการจำลองการขับเครื่องบิน
ในคอลัมน์ Game Theory ของคุณสฤณี อาชวานันทกุล ก็เขียนถึงเกมที่อิงประวัติศาตร์แบบแน่นๆ อย่าง Crusader Kings II ที่เล่าเรื่องศักดินาของประเทศในโซนยุโรปอย่างเข้มข้น, เกมเล็กๆ อย่าง Papers, Please ที่จำลองการตรวจสอบเอกสารสำหรับข้ามกำแพงเบอร์ลินในช่วงปี 1982 ซึ่งเป็นจังหวะที่สงครามเย็นคุกรุ่นและชวนคิดว่าผู้มีอำนาจระดับเล็กๆ อาจไม่มีความสุขในการมือำนาจก็ได้
หรือเกม Banished ที่อาจจะไม่ใช่เกมดังยอดเยี่ยมแต่ก็บอกเล่าถึงความลำบากของการตั้งรกรากใหม่ของมนุษย์ อีกทั้งเกมแฟนตาซีสุดๆ อย่าง Skyrim ก็มีมุมหนึ่งที่อ้างอิงวัฒนธรรมของเหล่านอร์สมาผสมกับความแฟนตาซีจนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่แฟนเกมคุ้นเคยมากขึ้น
ความจริงเกมยังบอกเล่าเรื่องราวเชิงสาระอื่นๆ ได้อีกมาก ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ เกมหลายเกมยังทำให้เราเข้าใจโลกที่ยากจะไปสัมผัสได้ในเวลาปกติ แม้แกนหลักของมันจะเป็นการมอบความเพลิดเพลินให้กับคนเล่น แต่ก็ใช่ว่าผู้รับสารปลายทางจะไม่ได้อะไรกลับไปเลยนอกจากการเสียเวลา ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจะสนใจจับอะไรในเกมมาปรับใช้กับตัวของพวกเขาเสียมากกว่า แล้วถ้ายังไม่แน่ใจว่าผู้เล่นจะจับต้องมันได้ไหม เราก็ควรจะลองเปิดรับมันก่อนที่จะบอกว่า ‘เนี่ย มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น’