ในขณะที่คอนเซปต์ของการกินดื่มในยุคนี้ ทางหนึ่งก็คือการหลบออกจากโลกอินเทอร์เน็ตไปสักพัก แต่สำหรับที่ Bad Taste พวกเขากลับจำลองโลกอินเทอร์เน็ตออกมาเป็นมวลในโลกจริง ให้เราดำดิ่งลงไปและเมามายกับมันยิ่งว่าโทรศัพท์มือถือที่สกรอล์อยู่เสียอีก
เมื่อดูหน้าตาด้านนอกที่นี่ก็คือบ้านธรรมดาหลังหนึ่งในหมู่บ้านสงบๆ แต่เมื่อตกกลางคืนที่นี่จะเปล่งประกายในไฟสีชมพูตัดน้ำเงิน ชวนให้เราเข้าไปจิบอะไรสักแก้วหรือมากกว่า แล้วก็อาจจะพูดคุยกับเพื่อนอย่างออกรส คนมาคนเดียวก็อาจจะจ้องมองมีมแสบๆ คันๆ บนผนังไปทีละมีม ดื่มด่ำกับดนตรี หรือลองเล่นบอร์ดเกมกับคนแปลกหน้า
Bad Taste คือร้านของ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร —ใช่ คนนั้นล่ะ หนุ่มนิติศาสตร์ที่ถูกจับไปเมื่อต้นปี แต่ตอนนี้เขาได้ทำเบียร์อย่างถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว แถมเปิดร้านตัวเองอย่างเป็นทางการร่วมกับ ‘น้ำพุ’—ณภัทร เพื่อนนักกฎหมายผู้หลงรักความคัลต์ของโลกอินเทอร์เน็ต ที่จะมาพูดคุยกับเราในวันนี้
และระหว่างที่บนผนังกำแพงฉายภาพแก๊งหญิงสาว 3D กำลังเต้นวนไปในแสงสีรุ้งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดนตรีเวเปอร์เวฟกำลังบรรเลงเบาๆ นี่คือบทสนทนาเกี่ยวกับ Bad Taste
Life MATTERs : อะไรที่ทำให้คุณเลือก ‘อินเทอร์เน็ต’ เป็นแรงบันดาลใจในการทำร้าน
น้ำพุ : ผมเป็นคนชอบเล่นอินเทอร์เน็ตมาก แล้วก็รู้สึกว่าบาร์ส่วนใหญ่หรือบาร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเนี่ย เซนส์ของมันก็คือบาร์ในโลกความเป็นจริง โดยอาจจะต่างสไตล์กันออกไป แต่มักจะมีคอนเซปต์ต่างๆ ที่ดึงมาจากวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ แต่สำหรับที่นี่ ในร้านจะเป็นอะไรก็ตาม ที่เราดึงมาจากอินเทอร์เน็ตคัลเจอร์ เอาออกมาให้มันมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
เราตั้งใจอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นอะไรที่มันสามารถเป็นสื่ออย่างหนึ่ง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด อย่างรูปที่ใช้ตกแต่งในร้าน ถ้าเจออะไรใหม่ที่น่าสนใจก็จะพยายามเปลี่ยนเสมอ พอเจออะไรในอินเทอร์เน็ตแล้วตลก หรือ ironic หน่อย ก็จะปริ๊นต์มาสะสมไว้ บางทีก็ใช้ฉายผ่านโปรเจกเตอร์ซึ่งทำให้เราเปลี่ยนสื่อได้ทุกวัน
Life MATTERs : ‘อะไรก็ตามในอินเทอร์เน็ต’ นั้นกว้างมาก คุณมีวิธีเลือกเอเลเมนต์จากในนั้นมาไว้ในร้านอย่างไร
น้ำพุ : จริงๆ แล้วก็คือ ตามความชอบส่วนตัวของแต่ละคนเลย คือชอบอะไรก็เอามาเลย ก็คือมันค่อนข้างจะอิสระ คือถ้าใครเข้าร้านวันนี้ มันก็จะเป็นแนวของคนนั้น เช่น ถ้าเป็นเท่าพิภพเข้าร้าน ช่วงนี้เค้าจะบ้า BNK48 มาก เค้าก็จะเปิด BNK48 รัวๆ อะไรแบบนี้ครับ (หัวเราะ) ก็ปนๆ กันไป
Life MATTERs : แล้วทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า Bad Taste
น้ำพุ : เรารู้สึกว่าบางที bad taste ที่ดูยี้ๆ แย่ๆ แต่บางครั้งมันก็ดูตลก มันสนุกดี แล้วก็เหมือนล้อเลียนตัวเองนิดนึง ว่าเออ บางทีเราก็เป็นคนชอบอะไรประหลาดๆ ซึ่งในอินเทอร์เน็ตมีอะไรแบบนี้อยู่เยอะมาก เช่น เรื่อง AI ของ Google ที่สร้างเป็นแชทบอร์ดขึ้นมา เพื่อเก็บข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้วเอามาคุยโต้ตอบกับคน
พอปล่อยออกมาได้ 2 วัน ก็กลายเป็นว่า ไอ AI ตัวนี้มันกลายเป็นพวก racist เหยียดอิสลาม นิสัยไม่ดี อะไรแบบนั้นไปเลย คือมันก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างในคนเรา แต่ถ้าเรามองว่ามันไม่ใช่เรื่อง offensive มันก็เป็นเรื่องตลกได้เหมือนกันนะ แล้วเราก็หยิบความตลก-ไม่ตลกตรงนี้มาเล่า มาล้อเลียนอีกทีหนึ่งได้
อย่างบางทีฝรั่งมาแฮงค์เอาท์ เค้ามาเจอ Confederate flag (ธงของฝ่ายใต้ในอเมริกาที่ถูกทำให้มีนัยยะในการเหยียดเชื้อชาติ) เค้าก็ถาม เฮ้ย ทำไม ยูเป็นฝ่ายใต้เหรอ หน้าตายูเอเชียมากเลยนะ เราก็บอกเขาว่าเออ เราติดให้มันตลกๆ irony ดี พอเค้าเข้าใจ เค้าก็ขำด้วย ทั้งที่เค้าก็มาจากฝ่ายเหนือด้วยซ้ำ
Life MATTERs : ถ้าอย่างนี้ เรื่องอะไรคือเรื่องซีเรียส สำหรับร้าน Bad Taste
น้ำพุ : จริงๆ ก็คืออยากให้ลูกค้าที่มา ได้รับประสบการณ์ดีๆ แหละ เราซีเรียสแค่นี้แหละ
Life MATTERs : เห็นว่าที่นี่เคยจัดฉายหนังด้วยใช่ไหม
น้ำพุ : ใช่ครับ มีช่วงนึงที่จัดฉายหนังประมาณกลางอาทิตย์ แต่ว่าช่วงหลังๆ คนที่ช่วยจัดฉายหนังเค้าติดธุระเยอะ แล้วก็ประกอบกับวันที่ฉายหนังคนน้อยกว่าวันที่ไม่ฉายหนัง(หัวเราะ) ก็เลยพักไปก่อน แล้วค่อยกลับมาฉายใหม่ ก็จะเปลี่ยนธีมไปเรื่อย
อย่างเรื่องแรกที่เคยฉายเลยคือเรื่อง Pink Flamingos ที่กำกับโดย John Waters ก็จะเหมือนไหว้ครูนิดนึง หนังมันเละเทะดีโดยที่เขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เพราะ John Waters พูดเสมอว่าเค้าเป็นคนชอบใน bad taste มากๆ เค้าเคยพูดว่ามันจะมี good bad taste กับ bad bad taste ซึ่งเราชอบมาก
Life MATTERs : แล้วคนที่มาที่นี่ควรต้องเป็นคนที่อินกับวัฒนธรรมในอินเทอร์เน็ตหรือเรื่อง bad taste ด้วยหรือเปล่า
น้ำพุ : จริงๆ เป็นใครก็ได้แหละครับ แต่ถ้าเป็นคนที่เปิดกว้าง เช่น คนที่ถ้าเห็นผู้ชายยืนเปลือยตรงนั้นแล้วไม่รู้สึกผิดอะไรงี้ ก็จะโอเคเลย คือเราอยากให้มาสนุกๆ ก็พยายามจัดกิจกรรมหลากหลาย อย่างวันนี้ก็จะมีเล่นบอร์ดเกม Avalon กัน ถ้าใครเล่นก็จะลดค่าเบียร์ให้
แล้วก็ตั้งใจให้เป็นที่ปล่อยของด้วย ใครอยากจัดอะไร อยากโชว์งาน อยากจัดกิจกรรมอะไร ก็มาที่นี่ได้ อย่างเร็วๆ นี้ก็อาจจะมีอีก เพิ่งคุยกับดีเจคนนึง เค้าชอบเปิดเวเปอร์เวฟ แล้วอยากทำ ธเนศเวฟ คือเอาเอาคลิปเวลาอาจารย์ธเนศพูดมาใส่กับแทร็คข้างหลัง (หัวเราะ) อาจารย์แกก็ไม่น่าจะว่าอะไรนะครับ (หัวเราะ)
Life MATTERs: สำหรับคุณเอง คืนไหนที่สนุกที่สุดตั้งแต่ทำร้านมา
น้ำพุ: จริงๆ หลายคืนเลยนะครับ อย่างเช่นวันที่เราจัดฉายหนัง ก็จะมีดีเจวันเดียวกันด้วย อย่างเช่นวันนั้นเราจัดฉายหนังเรื่อง The Room ที่เป็นหนังห่วยมากๆ ที่ตอนนี้ James Franco กับ Seth Rogen เอามาสร้างใหม่ทริบิวต์ให้คนทำเรื่องนี้ คือเค้าไม่ได้ตั้งใจให้ห่วยนะครับ มันออกมาห่วยจนกลายเป็นหนังคัลต์ (หัวเราะ) แล้วคนมาดูก็ฮา ตลกกันดี ฉากก็ nonsense มากๆ เสร็จแล้วคืนนั้นก็มีดีเจเวเปอร์เวฟพอดี อารมณ์ก็ต่อเนื่องมาจากหนัง คนก็จะมาเต้นงงๆ กลางร้าน ก็สนุกดี
Life MATTERs : พวกคุณดูจะสนใจ Vaporwave เป็นพิเศษ
น้ำพุ : จะว่าไปมันก็มีน้อยที่มาก ที่มีดีเจเปิดเวเปอร์เวฟ แล้วโดยตัวคำนี้เองมันก็น่าสนใจ ก็คือผมเคยดูข่าว ที่คนมานั่งถกกันว่า คำจำกัดความจริงๆ มันคืออะไร ซึ่งมันแบ่งไม่ได้นะ ว่าเพลงนี้ หรือโครงสร้างดนตรีแบบนี้เป็นเวเปอร์เวฟรึเปล่า ผมมองว่ามันลักษณะเป็น movement มันจะหยิบของเก่าหรืออะไรต่างๆ มาใช้แบบ anti copyright ก็คือไม่สนใจลิขสิทธิ์อะไรทั้งนั้น คือเอาเพลงคนอื่นมามิกซ์ดื้อเลย อะไรแบบนี้ แล้วตัวเค้าเองก็ไม่สามารถขายเพลงให้ถูกกฎหมายได้ด้วย (หัวเราะ)
แล้วก็มันจะมีคำพูดที่ว่า vaporwave is dead อะไรแบบนี้ ทั้งที่เราก็ถกเถียงกันมาตั้งแต่ต้นว่าหรือมันไม่เคยมีตัวตน ไม่มีอะไรเลยแต่แรกแล้ว ผมว่านี่ก็เป็นคัลเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจดีครับ
Life MATTERs : ในขณะที่คุณเองเป็นนักกฏหมาย แต่ดันอินกับ anti copyright ถือเป็นความ contrast ในตัวเองมั้ย?
น้ำพุ : ผมว่านักกฎหมาย ก็คือ คนที่ใช้กฎหมายในแง่ใดแง่หนึ่ง ซึ่งกฎหมายเป็นแค่เครื่องมือนึงที่อาจจะนำไปสู่ความยุติธรรมได้ หรืออีกทางหนึ่งก็เป็นเครื่องมือในการปกครอง และจริงๆ แล้วนักกฎหมายก็ไม่ได้เป็นคนออกกฎหมายหรือต้องเห็นด้วยกับกฎหมายไปทุกข้อ
หรืออย่างเช่นเรื่อง copyright เรามองกันได้ชัดๆ เลยว่ามันไม่ใช่กฎหมายที่เป็นความผิดในตัวมันเอง อันนี้ผมขอเท้าความนิดนึง ความผิดที่กฎหมายบัญญัติจะมีสองแบบ คือความผิดในตัวมันเอง กับความผิดที่มีคนตัดสินว่าผิด อย่างความผิดในตัวมันเองก็จะยึดโยงในศีลธรรมครับ เช่น ฆ่าคนตาย โดยทั่วไปทุกคนก็จะรู้ว่าผิด แต่อย่างเช่น คุณไปจอดรถในที่ห้ามจอด มันไม่ใช่ความผิดในตัวมันเอง แต่คนตัดสินว่ามันผิด
ผมก็เลยมองว่า copyright เป็นอีกข้อหนึ่งที่คนกำหนดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องยุติธรรมเสมอไปนะ มันไม่ได้หมายความว่า copyright จะช่วยผลักดันหรือช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมทางด้านความคิดสร้างสรรค์เสมอไป คือมันก็มีข้อถกเถียงเรื่องนี้อยู่ครับ
และแน่นอนหากว่าจะว่ากันตามกฎของ copyright ภาพและองค์ประกอบในร้านของเขาคงต้องถูกจับปรับเป็นแถบๆ แต่ขณะเดียวกันก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่เกิดขึ้นที่นี่เลย ก็ไม่น่าเชื่อว่าร้านเหล้าสักร้านหนึ่งจะทำให้เรามานั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้ได้เหมือนกัน