สิ่งประดิษฐ์บางชิ้นเกิดขึ้นจากความพยายาม สิ่งของบางอย่างเกิดจากความบังเอิญ แต่บางอย่างเกิดขึ้นจากความรัก
แผ่นปิดแผล บ้านเรามักเรียกว่า พลาสเตอร์แปะแผล หรือชื่ออื่นๆ ตามความคุ้นเคย ภาษาอังกฤษเองก็ใช้แตกต่างกันไป ทั้ง bandage และ plaster แต่ทุกคนจะเข้าใจเหมือนกันว่ามันคือ แผ่นพลาสติกหรือผ้า ทรงผืนผ้ายาวพอจะพันนิ้วได้ ตรงกลางมีผ้าก๊อซ และมีกาวติดผิวหนังได้แน่น แต่ก็สามารถลอกออกได้
เจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลเรียบง่ายอย่างความรัก
ในวันที่ยังไม่มีพลาสเตอร์สำเร็จรูปบรรจุอยู่ในกล่องปฐมพยาบาล การทำแผลเล็กๆ อย่างของมีคมบาด แผลถลอก ต้องใช้ผ้าก๊อซพันรอบแผล ติดด้วยเทปติดแผลโดยเฉพาะ ฟังดูไม่ยุ่งยากก็จริง แต่ลองนึกถึงตอนลงมือทำจริงดู มันอาจวุ่นกว่าที่คิด
สมมติว่าเป็นแผลโดนมีดบาด การทำแผลมันจะง่ายหากมีใครสักคนเข้ามาช่วย แต่ในวันที่เราอยู่คนเดียว นิ้วที่เป็นแผลนั้นจะถูกสงวนไว้ให้อยู่นิ่ง ไม่ต้องเข้ามาช่วยหยิบจับอะไรไปสักพัก ความโกลาหลเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ หยิบผ้าก๊อซได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมใส่ยา กว่าจะเปิดฝาด้วยมือหนึ่ง อีกมือเก้ๆ กังๆ ไหนจะหยิบเทปติดแผล หยิบกรรไกร
พอมันวุ่นขนาดนี้ แล้วคนโสดที่โดนมีดบาดเขาทำยังไงกันนะ เพราะคนมีคู่ สามีเขาประดิษฐ์พลาสเตอร์แปะแผลขึ้นมาบนโลกนี้เลยล่ะ

พลาสเตอร์แปะแผลชิ้นแรกของโลก ไม่ได้เกิดขึ้นจากโรงพยาบาลหรืออะไรที่เกี่ยวกับการแพทย์เลย แต่เกิดจากห้องครัวในบ้านแสนอบอุ่นหลังหนึ่ง ย้อนกลับไปในปี 1920 เอิร์ล ดิกสัน (Earle Dickson) และ โจเซฟีน (Josephine) คู่แต่งงานใหม่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันตามค่านิยมในสมัยนั้น สามีออกไปทำงาน ภรรยาเป็นแม่บ้าน มีบ้านอบอุ่นสักหลัง
ชีวิตแต่งงานของพวกเขาดำเนินไปด้วยดีทุกอย่าง มีเพียงสิ่งเดียวที่กวนใจเอิร์ลเสมอ คือแผลบนนิ้วมือของโจเซฟีน แผลเหล่านั้นเกิดจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ในตอนทำอาหารและทำงานบ้าน หากจะให้เธอปิดแผลเหล่านั้นด้วยตัวเองก็ค่อนข้างลำบาก เพราะในตอนนั้นยังเป็นระบบผ้าก๊อซคาดด้วยเทปอยู่
ด้วยความเป็นห่วง เอิร์ลจึงตัดเทปกาวและผ้าก๊อซฝ้ายเป็นชิ้นๆ เพื่อให้เธอแปะแผลได้ง่ายขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันแล้ววันเล่า แม่บ้านมือใหม่อย่างโจเซฟีนก็ต้องการผ้าพันแผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เพราะตัดไม่ได้ขนาดบ้างด้วยความรีบเร่ง อยู่บนนิ้วได้เพียงชั่วคราวก็หลุดออกไป
เอิร์ลเริ่มสะกิดใจแล้วว่า ถ้ายังใช้เยอะแบบนี้ แค่ตัดเทปกับผ้าก๊อซไว้ให้อาจจะยังไม่พอ เขาต้องการอะไรที่มันใช้ง่ายและออกจะสำเร็จรูปมากกว่านั้น จึงพยายามคิดค้นแผ่นแปะแผลใช้ง่าย สำหรับภรรยาที่ต้องแปะแผลด้วยตัวเอง
เขาทดลองกับวัสดุหลายแบบ จนมาลงตัวในที่สุด เกิดเป็นแผ่นแผลสำเร็จรูป โดยวางผ้าก๊อซสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็นระยะๆ ลงบนเทปกาวแปะแผล แล้วปิดทับด้วยผ้ามุ้ง วิธีใช้งานคือ โจเซฟีนต้องดึงแผ่นแปะแผลออกมา ให้ได้ระยะที่ต้องการ ตัดแผ่นนั้น แกะผ้าขาวบางออก แล้วพันทับแผลของเธอ ใช่แล้ว ใกล้เคียงกับวิธีที่เราใช้แผ่นปิดแผลในปัจจุบันนี้นี่แหละ

ภรรยามีความสุข สามีก็อุ่นใจ ได้ทั้งแก้ปัญหาให้คนรัก แล้วยังได้ไอเดียไปต่อยอดอีกด้วย เอิร์ลมองเห็นถึงประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์จากความรักนี้ เขาเอาไอเดียไปเสนอให้เจ้านายที่บริษัท Johnson & Johnson ฟัง เจ้านายเองก็ซื้อไอเดียของเขาเช่นกัน
ผมรับดีลนี้ครับชาร์ก ไม่นานพลาสเตอร์ปิดแผลแบบมีกาวชิ้นแรกก็ถูกผลิตและจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า BAND-AID® ที่กลายมาเป็นแบรนด์โด่งดังระดับโลก ในระดับที่ผู้คนใช้ชื่อแบรนด์ที่พ้องกับคำว่า bandage จนเป็นคำสามัญที่เข้าใจได้ทั่วไป หลังจากเจ้าแรกเปิดตัวก็มีแผ่นปิดแผลยี่ห้ออื่นออกมาสู่ท้องตลาด มีการพัฒนาไปในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบกาวที่ติดผิวดีขึ้น กาวที่ลอกง่ายยิ่งขึ้น วัสดุใหม่ๆ ลวดลายน่ารักสำหรับเด็กๆ หรือแม้แต่โทนสีที่กลืนไปกับทุกสีผิว
เอิร์ลได้รับตำแหน่งรองประธานบริษัท เขาทำงานอยู่ที่นั่นจนเกษียณอายุ ส่วนโจเซฟีน เราเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะทำอาหารได้เก่งขึ้น จนหลบลีกคมมีดได้หรือยัง แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ต้องกังวลกับการทำแผลด้วยตัวเองอีกต่อไป และยังส่งต่อความสะดวกนี้ให้กับผู้คนอีกมากมายบนโลกนี้ด้วย
อ้างอิงจาก
Earle Dickson. Band-Aid. 1921 | MoMA
The Invention & History of BAND-AID® | BAND-AID® Brand
Earle Dickson │ The National Inventors Hall of Fame®