การปลดทุกข์ในห้องน้ำอาจก่อเกิดทุกข์ใหม่ขึ้นมาได้ หากหันซ้ายหันขวาแล้วไม่เจอกระดาษชำระ อาจมีสายฉีดชำระรับหน้าที่หลักอยู่แล้ว แต่มีกระดาษชำระไว้ก็ยิ่งอุ่นใจคูณสอง
หากเอ่ยแค่กระดาษสีขาวบางเบา ชวนให้เรานึกถึงได้หลายอย่าง ทิชชู่เช็ดหน้า กระดาษเช็ดปาก กระดาษชำระในห้องน้ำ โดยรวมแผ่นสีขาวทั้งหลายนี้ทำมาจากเยื่อกระดาษ มีความหนาบางต่างกันไปตามความเหมาะสมในการใช้งาน แต่ละแบบต่างมีชื่อเรียกเฉพาะตัวต่างกันไป แต่บ้านเรามักเรียกรวมๆ กัน แบบไหนก็เรียกทิชชู่ทั้งนั้น
เยื่อกระดาษที่รับหน้าที่ใหญ่หลวงให้กับมวลมนุษยชาติ ด้วยการทำความสะอาดภายหลังกิจเล็ก กิจใหญ่ แล้วแต่ความอนามัยของผู้ใช้งาน เราเรียกสิ่งนี้ว่า กระดาษชำระ (Toilet Paper) ขอบคุณนะที่มีเธอบนโลกใบนี้ ว่าแต่เราจะต้องย้อนกลับไปขอบคุณใครกันที่สรรสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา แล้วก่อนหน้านั้นเราเก็บกวาดหลังปลดทุกข์กันยังไง

Credit: Philippe Charlier
ใบไม้พอทน เซรามิกพอเลย
การเช็ดก้นหลังปลดทุกข์ไม่ใช่แบบแผนสุขอนามัยในโลกยุคใหม่ ผู้คนต่างใฝ่หาสิ่งใกล้มือมาทำความสะอาดไฟท้ายกันตั้งแต่ยุคโบราณ ใบไม้ เป็นตัวเลือกที่คลาสสิกที่สุด เป็นแผ่นพร้อมใช้งาน เด็ดได้ง่ายใกล้ๆ มือ
โรมันโบราณ มีฟองน้ำติดด้ามไม้หน้าตาคล้ายกับแปรงขัดห้องน้ำ แต่มีไว้สำหรับทำความสะอาดหลังเสร็จกิจ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นของส่วนตัวที่เราพกไปไหนมาไหนระหว่างวัน แต่เป็นขอใช้ส่วนรวมในห้องน้ำสาธารณะ ใช้เสร็จก็จุ่มล้างในถังด้วยน้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชู ฝั่งตะวันออกอย่างญี่ปุ่นเองก็มีแท่งไม้ไผ่ใช้ในลักษณะนี้เช่นกัน
กรีกโบราณใช้ใบไม้สลับกับมอสที่เกาะกันเป็นแผ่น ฟังดูไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเท่าไหร่ งั้นลองเป็นชิ้นส่วนเซรามิกรูปแปดเหลี่ยมที่เรียกว่า ‘pessoi’ ดูสิ หากจะอ่านอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ก็ขอยืนยันว่าหมายถึงเศษภาชนะดินเผาที่แตกหักลบเหลี่ยมคม มาปาดซ้าย ปาดขวา
แล้วในยุคนั้นไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้เลยหรอ? กระดาษก็มี ผ้าก็มี น่าจะเป็นมิตรกับก้นมากกว่าหรือเปล่า นั่นก็อาจสะดวกกว่าจริงๆ แต่อย่าลืมว่าทั้งกระดาษและผ้าทำขึ้นมาด้วยมือ ไม่ได้มีโรงงานผลิตในจำนวนมหาศาลได้อย่างทุกวันนี้ มันจึงแลกมากับทั้งต้นทุนและลำดับความสำคัญ กระดาษจำเป็นต้องไปใช้ในหนังสือหรือจดหมาย ผ้าก็จำเป็นในการตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า มีค่าเกินกว่าจะเอามาใช้ทิ้งขว้างอย่างกระดาษชำระได้

เจ้าแห่งกระดาษจะขาดทิชชู่ได้ไง
จากบทความ ก่อนโลกนี้จะมี ‘กระดาษ’ ย้อนดูเส้นทางแผ่นบางแสนล้ำค่าที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์โลก พูดถึงที่มาที่ไปของกระดาษ มีบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นครั้งแรกที่จีนในปี ค.ศ. 105 เมื่อเป็นชนชาติที่ริเริ่มผลิตกระดาษแล้ว จะขาดกระดาษชำระไปได้อย่างไร
ย้อนกลับไปเท่าที่จะมีบันทึกอ้างถึง การใช้กระดาษเพื่อทำความสะอาดเกิดขึ้นครั้งแรกในจีนเช่นกัน จากตำราของนักปราชญ์ในปี ค.ศ. 589 ได้เขียนไว้ว่า “ข้าพเจ้าไม่กล้าใช้กระดาษที่มีข้อความอ้างอิงหรือคำอธิบายจากคัมภีร์ห้าคัมภีร์ หรือชื่อของนักปราชญ์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระล้าง” ชี้ให้เห็นว่ากระดาษได้เข้ามารับหน้าที่ทำความสะอาดหลังเสร็จกิจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว (แม้จะบันทึกไว้ว่าไม่อยากใช้ก็ตาม) รวมถึงบันทึกของนักเดินทางชาวอาหรับในช่วงราชวงศ์ถังใน 300 ปีต่อมา ได้บันทึกเกี่ยวกับชาวจีนไว้ว่า “พวกเขาไม่ได้ล้างตัวด้วยน้ำเมื่อทำธุระเสร็จ พวกเขาเพียงเช็ดตัวด้วยกระดาษเท่านั้น”
มีใช้ก่อนใครเขามาตั้งนาน จะใช้กระดาษชำระธรรมดาได้ไง ค.ศ. 1393 ชาวจีนเติมลูกเล่นเพิ่มความหอมลงไปในกระดาษชำระ ผลิตในจำนวนมหาศาลเพื่อถวายแด่จักรพรรดิหงอู่ แม้จะมีใช้กันมาเนิ่นนาน แต่มีเพียงราชวงศ์และราชสำนักเท่านั้นที่เข้าถึงได้ ยังไม่นับว่าแพร่หลายในสังคมวงกว้าง

ข้ามมาที่ฟากฝั่งตะวันตก ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กระดาษก็ยังไม่มาสักที แม้จะมั่งคั่งร่ำรวยขนาดไหน ก็ยังใช้เป็นเศษผ้า ขนสัตว์ ในการเช็ดทำความสะอาดกันอยู่
หลายร้อยปีต่อมา มีความพยายามในการผลิตกระดาษชำระขึ้นมาใช้ แต่ก็ยังไม่แพร่หลาย เนื่องจากผู้คนเลือกใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีน รับหน้าที่ทำความสะอาด อ่านเสร็จก็เช็ดเสียเลย จนกระทั่งค.ศ. 1857 โจเซฟ เกย์เอตตี (Joseph Gayetty) จากนิวยอร์ก วางจำหน่าย ‘กระดาษเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในห้องน้ำ’ บรรจุแพ็กละ 500 แผ่น ราคา 50 เซนต์ หลังจากนั้นมาก็เริ่มมีกระดาษชำระที่ผลิตจากโรงงานออกมาจำหน่าย แต่ในตอนนั้นหน้าตามันยังไม่ใช่ขาวนุ่มสบายก้นอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้
กระดาษชำระในแบบใกล้เคียงที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ตามมาในเวลาเพียง 60 ปีหลังจากนั้น Kimberly-Clark ผู้ผลิตกระดาษสัญชาติอเมริกัน ได้พัฒนาเส้นใยเพื่อใช้แทนฝ้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นวัตกรรมสำคัญของพวกเขาคือกระบวนการเครป เปลี่ยนใยกระดาษที่เปียกให้กลายเป็นเนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นต่ำและย่นด้วยเครื่องอบแห้งความเร็วสูง วิธีนี้ช่วยลดความแข็งของเนื้อกระดาษ เพิ่มปริมาตร ทำให้กระดาษนุ่มและซึมซับได้ดีกว่ากระดาษของโจเซฟ

หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่พัฒนาต่ออย่างไม่หยุดยั้ง มีทั้งเนื้อหนา เนื้อนุ่ม เนื้อแน่นไม่ขาดง่าย กระดาษ 3 ชั้น กระดาษย่อยสลายได้ จนเราได้เห็นกระดาษชำระในหน้าตาแบบที่คุ้นเคยอย่างทุกวันนี้
จากใบไม้ใบหญ้า เซรามิก ขนสัตว์ เศษผ้า สู่กระดาษชำระนุ่มๆ ในม้วนใหญ่ หรือหีบห่อเล็กๆ พกพาในกระเป๋า อย่างน้อยเราก็สบายใจได้ว่าบรรพบุรุษยังเป็นห่วงสุขอนามัยของก้นเราอยู่เสมอ
อ้างอิงจาก
All the Ways We’ve Wiped: The History of Toilet Paper and What Came Before | HISTORY
The story of tissue: the evolution of a vital consumer product