จักรวาลมาร์เวลไปที่ไหนต่อหลังจากไปอวกาศ?
ตั้งแต่การรวบรวมมณีหลากสีที่มีอำนาจเหนือจักรวาล การต่อสู้กับเอเลี่ยนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ไปจนการท่องพหุจักรวาลที่มีความเป็นไปได้ไม่จบสิ้น ดูเหมือนว่าทิศทางของภาพยนตร์มาร์เวลจะพาผู้ชมไปนอกโลก ออกไปยังความพิศวงของอวกาศและคอนเซ็ปต์ความเป็นไปได้ไม่รู้จบของมันอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่านับวันเราจะยิ่งรู้จักกับความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นในหลากหลายแง่มุมมากขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่หนึ่งสิ่งที่ Black Panther: Wakanda Forever ทำ คือการพาเราไปยังพื้นที่ลึกลับอีกที่ที่มักซ่อนอยู่หลังเกราะกำบังสักอย่างในจิตใต้สำนึกของเรา เมื่อหนังเรื่องนี้พาเราไปยังโลกใต้ทะเลลึก พาให้เราฉุกคิดว่าในขณะที่มีเรื่องราวการต่อสู้ระดับจักรวาล หรือความวายป่วงที่ทะลุข้ามมิติไปมากโข เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทะเลเลย ทั้งในจักรวาลดังกล่าว และในชีวิตจริง
ในขณะที่มนุษย์ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ ส่งหุ่นยนตร์สำรวจไปยังดาวอังคาร และมีรูปถ่ายกาแล็กซีใหม่ๆ รายปีจากกล้องดาราศาสตร์ แต่เมื่อพูดถึงทะเลที่เป็นพื้นที่ที่อยู่กับเราตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเผ่าพันธุ์ เป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของอารยธรรมมนุษย์ ฯลฯ เรารู้จักทะเลลึกน้อยมาก และสำหรับส่วนที่เรารู้จักหรือจินตนาการถึง บ่อยครั้งก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกลับ และบ่อยครั้งน่าสะพรึงกลัว
จินตนาการและเรื่องแต่งสามารถมาจากหลากหลายที่มา และที่มาเหล่านั้นอาจเล่าอะไรเกี่ยวกับมนุษย์ผู้แต่ง และมุมมองโดยรวมของสังคมที่พวกเขาอยู่ได้ และบางครั้งจินตนาการเหล่านั้นก็สามารถมีอิทธิพลต่อสังคมและโลกที่มันถูกเขียนขึ้นได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้วจินตนาการของเราต่อโลกใต้ทะเลลึกหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง
นวนิยายใต้ท้องทะเล 20,000 โยชน์ โดยจูลส์ เวิน (Jules Verne) คือเรื่องราวที่เริ่มเกี่ยวกับการตามหาสัตว์ใต้ทะเลลึกไม่ทราบสายพันธุ์หลังจากมีผู้เดินทางจากทะเลหลากหลายเชื้อชาติพบเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้น สัตว์ประหลาดผู้เป็นเหตุให้เกิดเหตุเรือล่มมากมายทั่วโลกด้วยความรวดเร็วของมัน แต่หลังตามหาสักพัก กลายเป็นว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาดแต่อย่างใด แต่เป็นนอติลุส เรือดำน้ำของกัปตันนีโม ชายผู้เนรเทศตัวเองออกจากโลกบนดินของมนุษย์สู่อิสรภาพใต้ท้องทะเล
ในหลายๆ ส่วนของนิยายเป็นการเล่าถึงจินตนาการเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการออกแบบเรือดำน้ำและยานพาหนะล้ำสมัย บ้างอาจเกี่ยวกับจินตนาการของชีววิทยาของสัตว์และพืชใต้ทะเลลึกที่ถูกบันทึกไว้ภายในห้องสมุดของนอติลุส แต่ละสายพันธุ์จริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่หนึ่งส่วนที่สำคัญของเรื่องคือตัวละครและเหตุผลที่กัปตันนีโมผลักตัวเองออกจากสังคมมนุษย์ตั้งแต่ต้น นั่นคือความเกลียดชังจักรวรรดินิยมและการกดทับที่มาคู่กับมัน ทะเลคือทางออกของเขา ‘ทะเลไม่ใช่ที่ของทรราชย์ บนบกพวกเขายึดครอง ต่อสู้กันและกัน กลืนกินกันและกัน และกระทำชั่วไม่จบสิ้น แต่สามสิบฟุตลงไปใต้ทะเลอำนาจของพวกเขาหมด อิทธิพลเลือนหาย ความครอบงำหายลับ!’ นีโมพูด
ทะเลลึกนอกจากจะหมายถึงโลกที่น่าค้นหา มันก็ยังหมายถึงอิสรภาพจากอำนาจด้วย
แต่ในทางกลับกัน สำหรับบางคนทะเลลึกเป็นแหล่งกำเนิดความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้ งานเขียนของฮาเวิร์ด ฟิลลิปส์ เลิฟคราฟต์ (H.P. Lovecraft) เป็นตัวอย่างสำคัญของการมองท้องทะเลเป็นพื้นที่ที่ก้าวเกินความหยั่งรู้มนุษย์ และเขานำเสนอมันออกมาจากเรื่องราวสยองขวัญของเขาเช่น เงาทมิฬเหนืออินส์เมาธ์ และเสียงเพรียกจากคธูลู
งานสยองขวัญของเลิฟคราฟต์ตกอยู่ในรูปแบบความน่ากลัวที่ชื่อ Cosmic Horror งานสยองขวัญที่เล่นกับความกลัวที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ ‘ความรู้สึกที่เก่าแก่และรุนแรงที่สุดของมนุษย์คือความกลัว และรูปแบบความกลัวที่เก่าแก่และรุนแรงที่สุดคือความกลัวในสิ่งที่เกินความหยั่งรู้’ เลิฟคราฟต์กล่าว โดยเขานำเสนอความกลัวและความไม่อาจรู้นั้นผ่านแหล่งที่มาเรื่องลี้ลับของเขา นั่นคือพระเจ้านั่นเอง และพระเจ้าในงานเขียนของเขาต่างจากคนแก่หนวดขาวที่เราคุ้นเคย
ในงานของเลิฟคราฟต์ ‘พระเจ้า’ หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงที่สุดที่เราเข้าใจได้ มักไม่มีลักษณะทางกายภาพเช่นมนุษย์ บ่อยครั้งการมองเห็นพวกเขาก็นำไปสู่ความตายของผู้เห็นเลยด้วยซ้ำ แต่หาจะให้ยกตัวอย่างพระเจ้าที่อยู่ในความทรงจำของคนส่วนมากเมื่อพูดถึงเลิฟคราฟต์ คงต้องเป็นคธูลู เทพเจ้าเปลี่ยนรูปโฉมได้ แต่จากรูปปั้นโดยผู้ติดตามปั้นออกมาเป็นปลาหมึก เทพโบราณที่หลับใหล หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล และสื่อสารกับมนุษย์ผ่านฝัน นอกจากนั้นยังมีเดกอน หนึ่งในเทพใต้ทะเลหน้าตาเหมือนสัตว์น้ำที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานเมโสโปเตเมีย
เรื่องแต่งเกี่ยวท้องทะเลไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น อย่างที่ว่า ในโลกที่เป็นพื้นน้ำไปแล้วราวๆ 70% นี้อยู่กับเราตั้งแต่เกิด บางครั้งอาจเรียกได้ว่ามนุษย์กำเนิดจากน้ำด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้วเราจะเรียกตำนานว่าอะไรหากไม่ใช่เรื่องแต่งที่เก่าแก่ที่สุด? บ่อยครั้งตำนานและความเชื่อเป็นการแต่งเรื่องเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางงธรรมชาติที่เราไม่เข้าใจ แล้วบังเอิญว่าเรื่องราวเหล่านั้นแพร่หลายแล้วสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น
ตัวอย่างเช่นนามะซึจากปกรณัมญี่ปุ่น ปลาดุกยักษ์ใต้พื้นโลกที่เมื่อพลิกตัวจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหว หรือจะเป็นไซเรนจากปกรณัมกรีก พรายทะเลที่บ้างบอกว่าเป็นหญิงครึ่งนก หรือบางครั้งก้เป็นเงือกผู้มีเสียงขับกล่อมเพื่อเรียกคนให้ไปตายในท้องทะเล หนึ่งในความกลัวที่วาดภาพมาจากเสียงลมทะเลที่โหยหวนเวลาล่องเรือ และแม้ว่าเรื่องเหล่านั้นจะถูกอธิบายโดยวิทยาศาสตร์ได้แล้ว งานสร้างสรรค์เหล่านี้แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมและสังคมของเราเสมอ
ฉะนั้นนอกจากความน่าค้นหาและอิสรภาพแล้ว ในบางมุมมองตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทะเลและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นมักถูกเชื่อมโยงไปสู่ความเกินความหยั่งรู้มนุษย์ และบ่อยครั้งถึงความดึกดำบรรพ์อีกด้วย และแม้เรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องแต่ง เรื่องแต่งเองก็ไม่ได้หมายถึงขั้วตรงข้ามของเรื่องจริง หากแต่มันคือเงาสะท้อนของมันเสียมากกว่า และจินตนาการเหล่านี้สะท้อนออกมาถึงความลึกลับ ความน่าค้นหา และความกลัวเกี่ยวกับท้องทะเล
และจะเรียกว่าเรื่องแต่งเหล่านี้เกินจริงไปเลยก็ไม่น่าจะถูกต้องขนาดนั้น จนทุกวันนี้ราวๆ 80% ของผืนน้ำในโลกยังเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับการสำรวจ และเมื่อเราลงลึกไปใต้ทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็มักพบเห็นสัตว์ใต้น้ำที่เราไม่เคยพบเห็นในที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกยักษ์ Architeuthis Dux ที่มักมีขนาดตัวราวๆ 12-13 เมตร หรือ Regalecus glesne ปลาริบบิ้นยักษ์ยาวเจ็ดเมตรที่ต้องใช้คน 13 คนถึงจะถือได้ครบลำตัวมันทั้งหมด และอีกมากมาย
นักสัตววิทยาอธิบายความแปลกประหลาดนี้ว่ามันคือปรากฏการณ์ Deep-sea Gigantism คำอธิบายว่าทำไมสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกจึงมีขนาดใหญ่กว่าตัวที่อยู่สูงกว่า โดยสาเหตุใหญ่ๆ อาจจะมาจากอุณหภูมิต่ำนำไปสู่ขนาดเซลล์ที่ใหญ่ขึ้นและอายุขัยที่สูงขึ้น หรือเมื่อสภาพแวดล้อมใต้ทะเลนั้นทำให้แหล่งอาหารหายากขึ้น วิวัฒนาการของสัตว์เหล่านี้นำไปสู่เมตาบอลิซึมที่ทำงานช้าลง ซึ่งนำไปสู่ร่างที่ใหญ่ขึ้นไปด้วย และสุดท้ายคือความเสี่ยงในการโดนล่าต่ำกว่า บ่อยครั้งเมื่อเราเห็นภาพของสัตว์เหล่านี้เราอาจเผลออุทานออกมาว่านี่มันสัตว์โลกหรือเอเลี่ยนกันแน่ ทั้งจากหน้าตาและขนาด
และอย่างที่ว่าไป นี่เป็นเพียง 20% ของผืนน้ำเท่านั้น สัตว์ที่หน้าตาเหมือนสัตว์ในตำนานอย่างคราเคน หรือซิลล่าอาจจะมีตัวตนจริงอยู่ก็ได้ แต่นั่นอาจจะยังอีกนาน เพราะในขณะที่ความรู้สึกของเราต่ออวกาศนั้นมักเป็นไปในทางสงสัยใคร่รู้ น่าตื่นตา ดวงดาวและเนบิวลาที่สวยงาม ความน่าค้นหาของทะเลกลับใกล้เคียงความลึกลับที่เพรียกเสียงเราไปยังท้องน้ำมืดหม่น แรงกดดันมหาศาล และเต็มไปด้วยสัตว์โบราณที่อาจเกิดก่อนมนุษยชาติเสียด้วยซ้ำ
อ้างอิงข้อมูลจาก